Monday, November 26, 2012

อัลลอฮฺมีอยู่จริง



ชายคนหนึ่งได้ไปยังร้านตัดผมเพื่อจะตัดผม
และตัดแต่งนวดเครา
ขณะที่ช่างตัดผมเริ่มลงมือตัดผม พวกเขาก็
ได้เริ่มบทสนทนาที่ดี
พวกเขาพูดคุยกันเกี่ยว
กับหลายเรื่องหลายประเด็น
จากนั้นช่างตัดผมก็ได้พูดขึ้นมาว่า
“พ่อหนุ่ม คุณจะดูเท่ขึ้นนะ ถ้าตัดเครานี้ออก จะ
ให้ผมตัดมันออกเลยมั้ย ? ”
เขาได้ตอบช่างตัดผมไปอย่างสุภาพว่า “
มันคือซุนนะฮฺ(แบบฉบับ) ของนบีมูฮัมหมัด (ขอ
ความสันติจงมีแด่ท่าน) ผู้เป็นที่รักของผม
และอัลลอฮฺทรงรักคนที่ทำตามแบบอย่างอันสูงส่ง
ของศาสนฑูตของพระองค์ ”
ช่างตัดผมก็พูดด้วยเสียงดังขึ้นว่า
“ ผมไม่เชื่อหรอกว่าอัลลอฮฺนะมีจริง”
“ ทำไมคุณถึงคิดอย่างนั้นละ ? ” ลูกค้า
ได้ถามกลับไป
“ดูสิ คุณก็แค่ออกไปข้างนอกถนนนั่นคุณก็จะ
เข้าใจว่าอัลลอฮฺไม่มีอยู่จริง
ไหนลองบอกฉันหน่อยสิว่าถ้าหากอัลลอฮฺมีจริง
แล้ว ทำไมต้องมีผู้คนเจ็บป่วยมากมาย ทำไม
ต้องมีเด็กที่ถูกทอดทิ้งเกลื่อนเมือง
หากอัลลอฮฺมีจริงก็คงไม่มี
ความเจ็บปวดทุกข์ทรมาน
ฉันจินตนาการไม่ออกเลยว่าอัลลอฮฺผู้เป็นที่รัก
จะปล่อยให้มันเกิดเรื่องแบบนี้ได้ยังไงกัน”
ลูกค้าก็ครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะ แต่ไม่ได้ตอบเพราะว่า
เขาไม่ต้องการจะให้เกิดการโต้เถียงกัน



เมื่อช่างตัดผมตัดผมเสร็จเรียบร้อยลูกค้าก็
ได้เดินออกจากร้านไป
เมื่อเขาก้าวออกจากร้านตัดผม เขา
ได้เห็นชายคนหนึ่งบนถนน
เขามีผมที่ยาวดูรกรุงรังสกปรกแถมเครายังไม่
ได้ตัดแต่งเครา
เขามองดูความสกปรกและรกรุงรังนั้น
ลูกค้าก็ได้กลับไปยังร้านตัดผมอีกครั้งและพูด
กับช่างตัดผมว่า
“ คุณรู้อะไรมั้ย ? ช่างตัดผมไม่มีอยู่จริง”
“คุณพูดอย่างนั้นได้ยังไง ?” ช่างตัดผมถาม
“ผมอยู่ที่นี่
และผมก็เพิ่งตัดผมคุณไปเสร็จเมื่อกี้นี่ไง”
“ไม่จริง” ลูกค้าได้อธิบายต่อ
“ช่างตัดผมไม่มีอยู่จริงหรอก เพราะถ้าพวกเขามี
อยู่จริงแล้ว จะต้อง
ไม่มีคนที่มีผมยาวสกปรกรกรุงรัง
แถมหนวดเคราก็ยังไม่ได้ตัด เหมือนชายที่
อยู่ด้านนอกร้านนั่นไง”
“อ้าว ก็ช่างตัดผมนะมีอยู่จริง แต่คนเหล่านั้นไม่
เข้ามาหาเองต่างหาก”
“ถูกเผง ! นี่แหละประเด็น อัลลอฮฺก็มีอยู่จริง
นั้นคือสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อผู้คนไม่เข้าหาพระองค์ และ
ไม่ขอความช่วยเหลือจากพระองค์ นั่นแหละทำไม
ถึงได้มีความเจ็บปวด
และทุกข์ทรมานมากมายบนโลกใบนี้”

Wednesday, May 2, 2012

แอปเปิ้ลที่ฮะลาลกับบุหรี่ที่ฮะรอม

นี่เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นใน ประเทศซาอุดิอารเบีย

ชายผู้เคร่งครัดคนหนึ่งได้เล่าว่า


เขาได้เข้าไปยังมัสยิด ซึ่งตั้งอยู่ตำบล อุลยา เมืองริยาด


ประเทศ ซาอุฯ โดยเขาเปนตัวแทนของรร.


และในขณะที่เขาละหมาด ตะฮียะตุ้ลมัสยิด


เขาได้กลิ่นบุหรี่ ซึ่งทำให้เขาไม่มีคุชัวะ ในการละหมาด


เมื่อ ให้สลามเสร็จ เขาจึงหันไปพบว่าคนนั้นคือ


ชายชาวอิยิปต์ ที่ริมฝีปากดำไปด้วยคราบบุหรี่


เขาจึงตั้งใจว่า จะรอให้ละหมาดฟัรฎู

เสร็จก่อนแล้วจะไปตักเตือนชายผู้นั้น แต่แล้ว.....

ทันใดนั้นเอง..


มีเด็กชาย>> ผู้กล้าหาญคนหนึ่งที่อายุยังไม่ถึง 9 ขวบ


ได้เข้ามาในมัสยิดแล้วนั่งลงข้างๆชายที่สูบบุหรี่ผู้นั้น

แล้วการสนทนาก็ได้เริ่มขึ้น...

เด็กชาย >> อัสลามุอะลัยกุมครับ

คุณลุงเป็นชาวอิยิปย์ใช่ไหมครับ ?

ชายผู้นั้น>> อืม ก้อใช่ ฉันเปน ชาวอิยิปต์


เด็กชาย>> คุณลุงรู้จัก เชค อับดุลฮามิด กัชก. มั้ย ครับ ?


ชายผู้นั้น>> อือ รู้จักสิ


เด็กชาย : แล้ว เชคญาดุ้ลฮัก อธิการบดี อัล อัซฮัร ไหมครับ ?


ชายผู้นั้น: รู้จักสิ เด็กชาย : มีอีกครับ.. แล้วเชค มุฮัมหมัด อัลฆ่อซาลีย์ ที่แต่งหนังสือล่ะครับ ?


ชายผู้นั้น: รู้สิ...

เด็กชาย : แล้วลุงเคย ฟังเทปที่พวกเขาฟัตวากันไหมครับ ? ชายผู้นั้น : อืม ก้อเคย
เด็กชาย : แล้วลุงไม่เคยฟังที่พวกเขาฟัตวากันหรอครับว่า
บุหรี่ น่ะ มันฮารอม แล้วทำไมยังสูบอยู่ล่ะครับ ! ?

ชายผู้นั้น : ก็ไม่เห็น จะมีหลักฐานอะไรมาห้ามนี่

ว่าห้ามสูบบุหรี่น่ะ !

เด็กชาย : หามิได้ครับ ลุงไม่เคยได้ยินอายะฮนี้หรอครับว่า

" สิ่งชั่วร้ายทั้งหลายนั้นเป็นที่ต้องห้ามแก่พวกเจ้า"
แล้วเมื่อลุงสูบบุหรี่ลุงกล่าวบิสมิลลาฮ ป่ะครับ
แล้วเมื่อลุง สูบเสร็จ ล่ะ ลุง กล่าว อัลฮัมดุลิลลาฮ ไหมล่ะครับ ! ชายผู้นั้น : ....... แต่ฉันก็ไม่เห็นจะมีอายะฮ บอกตรงๆว่า "ห้ามสูบบุหรี่ " นี่ เจ้าเด็กน้อย ไหนลองยกมาซิ ....

(555 กะว่าจะเถียงชนะ )


เด็กชาย : โอ้ท่านลุง เอ๋ย บุหรี่ น่ะมันฮารอม ก็เหมือนกับ


แอปเปิ้ลที่มันก็ฮารอมเหมือนๆ กันน่ะแหล่ะ !!!!!


ชายผู้นั้นเริ่มแสดงสีหน้าโมโห >>: ชิชะ เจ้าเด็กน้อย


แอปเปิ้ลน่ะมันฮารอมซะที่ไหน มันเป็นผลไม้ที่มีประโยชน์นะ

เจ้าจะมาบอกว่า มันฮารอมตามใจเจ้า ได้ยังไง !!!!!!!!

เด็กชาย: งั้นท่านก็ลอง ยกอายะฮมาสิ ที่บอกตรงๆว่า


"แอปเปิ้ลน่ะเป็นสิ่งฮาล้าล" !!!!


ชายผู้นั้นนิ่งเงียบไปทันใด


เขาไม่สามารถโต้ตอบอะไรได้อีก


ทันใดนั้น น้ำตราได้เอ่อล้นออกมา เขาได้ละหมาดในสภาพที่ร้องไห้อย่างนั้น และหลังจากชายผู้นั้น ละหมาดเสร็จเขาได้หันกลับมาหาเด็กน้อย แล้วกล่าวว่า


เจ้าเป็นพยานให้ข้าด้วยเถอะว่าข้าขอสาบานต่ออัลลอฮผู้ทรงเกรียงไกรว่าข้า อีกต่อไป.....


จงพิจารณาดูเถิดพี่น้องที่รักยิ่ง


ในเรื่องราวที่น่าประหลาดใจนี้ว่า


เด็กตัวเล็กๆคนหนึ่งที่มีปัญญาหลักแหลมและ


ความเข้มแข็งในการหาหลักฐานและเตุผล
ในยุคสมัยเช่นนี้ที่มีแต่ความไร้สาระ ความงมงาย
มาชาอัลลอฮ....

หนุ่ม สาวผู้เป็นความหวัง ... ผู้เป็นแสงสว่างแห่งอิสลาม อิสลามกำลังรอการฟื้นฟู มาเถอะ...

มุ่งสู่ ความเป็นหนึ่งเดียวกัน เพราะเรามีจุดมุ่งหมายเดียวกัน คือชัยชนะทั้งดุนยา และ อาคิเราะฮ

Friday, April 22, 2011

ข้อควรระวัง สำหรับคนหนุ่มสาว !!!


1. จงระวังแผนลวงต่าง ๆ
          คนหนุ่มสาวจงระมัดระวังจากการล่อลวง ซึ่งทำให้หลงทางและการทำลาย และเป็นต้นเหตุของการตกไปสู่ไฟนรก ซึ่งไม่มีใครปกป้องให้รอดพ้น ยกเว้นผู้ที่กลับเนื้อกลับตัว คนหนุ่มสาวมุสลิมต้องระมัดระวังจากการหลงผิดจากการล่อลวง มีทั้งสิ่งที่เปิดเผยและสิ่งที่ซ่อนเร้น โดยเฉพาะการล่อลวงที่เกิดขึ้นในยุคนี้
          จำเป็นที่เราต้องระวังตัวเอง จากความปรารถนาและตัณหาอารมณ์ ของเหล่ามารร้ายทั้งที่เป็นญินและมนุษย์ โดยมีวัตถุประสงค์ทำให้คนหนุ่มสาวหลงผิด ได้หลอกล่อเขาออกจากศาสนา ออกจากเส้นทางอันเป็นธรรมชาติ
ส่วนหนึ่งของกับดักที่หนุ่มสาวต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ คือ



กับดัก 5 S ได้แก่


     1. Sex หมายถึง ความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิงที่เกินขอบเขตและการกระตุ้นอารมณ์ทางเพศโดยผ่านสื่อต่างๆ ทั้งที่ถูกหรือผิดกฏหมาย โดยมีวัตถุประสงค์ให้เยาวชนติดกับดักกับหลุมพรางนี้ ซึ่งทำให้คุณค่าและบุคลิกของเป็นความมุสลิมถูกทำลาย
     2. Smoke การสูบบุหรี่เป็นบันไดขั้นแรกและต้นเหตุสำคัญของการติดยาเสพติดทุกประเภท โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเยาวชนซึ่งมีอายุต่ำกว่า 13 ปีติดบุหรี่แล้ว โอกาสที่จะติดยาเสพติดชนิดอื่นๆ โดยเฉพาะกัญชามีสูงถึง 200% เลยทีเดียว
     3. Sing การลุ่มหลงในแสง สีและเสียงโดยเฉพาะการร้องเพลงที่มีเนื้อหาปลุกเร้าต่อมชัยฏอนที่แฝงตัวอยู่ในมนุษย์ เป็นเหตุให้เยาวชนหลงลืมอัลลอฮ์ และเคลิบเคลิ้มกับมายาคติและจินตนาการที่ไม่มีร่องรอยของความเป็นมุสลิมที่ดี
     4. Sport การหมกมุ่นในกิจกรรมกีฬาที่ไร้ขอบเขต และมีวาระซ่อนเร้นที่พยายามทำลายคุณธรรมจริยธรรมของเยาวชนโดยใช้กีฬาเป็นสื่อในการชักใยปัญหาสังคมอื่นๆ อาทิ การพนัน ยาเสพติด การฉ้อโกง การคลั่งไคล้ดาราหรือสโมสรกีฬาที่ชื่นชอบและปัญหาสังคมอื่นๆ
     5. Social to be mad about การคลั่งไคล้ค่านิยมที่ผิดๆ หรือขัดแย้งกับคำสอนของอิสลาม เช่น ค่านิยมการแต่งกาย การมีพฤติกรรมบริโภคนิยม การชอบใช้ชีวิตที่สุรุ่ยสุร่ายและอิสระเสรี ความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิงที่เกินขอบเขต เป็นต้น


2. จงระวังยาพิษที่แทรกผ่านทางความคิดต่าง ๆ


          ข้อระวังเกี่ยวกับวัฒนธรรม ความคิด ที่เคลือบยาพิษ ทุกวันนี้เราถูกทดสอบด้วยความคิดผ่านมาทางสิ่งที่เราอ่าน สิ่งที่เราฟัง และสิ่งที่เราเห็น ได้ถูกใช้เพื่อแพร่ความคิดที่สกปรก เพื่อทำให้ชีวิตหลงทางและจมลงในหุบเหวของแนวคิดอันจอมปลอม คนหนุ่มสาวต้องระมัดระวังวัฒนธรรมความคิดเหล่านี้ โดยเฉพาะปัจจุบันที่มนุษย์สามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสารที่รวดเร็วและรุนแรงโดยผ่านอินเตอร์เน็ต
          ขอให้เราเลือกสิ่งที่มีประโยชน์และทิ้งสิ่งที่ไม่ให้ประโยชน์ และให้มีการตักเตือนแนะนำกันด้วย “หลักฐานที่ชัดเจน” จนรู้เท่าทันแยกแยะความสกปรกออกจากความสะอาดบริสุทธ์ได้ แยกแยะสิ่งที่ดีออกจากความชั่วร้ายได้ แยกสิ่งที่หะลาล(สิ่งอนุมัติ)ออกจากสิ่งที่หะรอม(สิ่งที่ไม่อนุมัติ)ได้ เราต้องศึกษาศาสนาจนรู้ว่า อะไรที่เป็นคำสั่งใช้ และอะไรที่เป็นคำสั่งห้ามในศาสนาของเรา
          ทุกวันนี้เราถูกทดสอบจากการทำลายล้าง ผ่านอุปกรณ์เครื่องมือต่างๆ ทั้งเช้า บ่าย เย็น ทั้งกลางวันและกลางคืน เราต้องไม่อ่านทุกสิ่งทุกอย่างที่ถูกตีพิมพ์ออกมา เราจะไม่ฟังทุกเรื่องที่กระจายเสียงผ่านสถานีวิทยุต่างๆ ต้องไม่ดูทุกเรื่องที่ผ่านรายการโทรทัศน์ และต้องไม่เชื่อทุกเรื่องในเว็บไซต์ เราต้องเลือกสรรสิ่งที่ดีและละทิ้งสิ่งที่ไม่ดีเสีย เพราะเวลานั้นเป็นสิ่งมีค่า มีราคา ชีวิตเราเป็นสิ่งที่ตีเป็นราคาไม่ได้ มีราคามากเกินกว่าที่จะสละเวลาให้กับสิ่งหลอกลวงและไร้สาระเหล่านั้น


          อิสลามให้ผ่อนคลายในบางเวลา และให้เราเลือกเฟ้นว่าอะไรที่ควรอ่าน อะไรที่ควรฟัง อะไรที่ควรมอง สิ่งที่เป็นอันตรายที่สุดที่ประสบอยู่ทุกวันนี้ คือการทำลายล้างที่เป็นระบบ การโจมตีคุณค่าจริยธรรม และแนวคิดของอิสลาม การทำลายล้างนี้เป็นสิ่งที่ทำให้การปฏิรูปของผู้ยืนหยัดอยู่บนความดีทั้งหลายต้องสูญสลายไป เป็นสิ่งที่ทำให้การอบรมให้ความรู้ของครูอาจารย์ และผู้ชี้นำทั้งหลายต้องประสบกับความล้มเหลว กวีคนหนึ่งได้กล่าวว่า
“เมื่อใดหรือที่อาคารหลังหนึ่ง จะเสร็จสิ้นสมบูรณ์     หากท่านได้สร้างมัน แต่ผู้อื่นจ้องแต่ทำลาย”
กวีอีกคนหนึ่งได้กล่าวว่า
“ผู้สร้างพันคน แต่มีผู้ทำลายหนึ่งคน ก็พอแล้ว     หากผู้ทำลายพันคน ผู้สร้างเพียงคนเดียว จะเป็นอย่างไรเล่า”
          นักทำลายล้างเพียงคนเดียวเพียงพอแล้วที่จะทำลายผลงานของนักสร้างสรรค์นับพัน แล้วถ้าหากว่ามีนักสร้างสรรค์เพียงคนเดียว แต่มีผู้ทำลายนับพันล่ะ อะไรจะเกิดขึ้น? โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การทำลายล้างปัจจุบันนี้ใช้วิธีการทำลายแบบอุตสาหกรรม ไม่ได้ยึดวิธีแบบใช้จอบ ใช้เสียม ซึ่งเป็นสัญญาณถึงการทำลายล้างที่ผ่านเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพ โหมเข้าใส่ผู้คนภายในบ้าน หรือแม้แต่ในห้องนอนของเขาเอง การทำลายล้างนี้ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงทั้งผู้ใหญ่ ทั้งเด็ก ทั้งคนที่อยู่ในชนบทและที่อยู่ในเมือง ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ทั้งผู้มีการศึกษาและผู้ไม่รู้หนังสือ ทั้งผู้มีอาชีพเป็นหลักแหล่งและผู้ที่เตะฝุ่นตามท้องถนนในฐานะคนว่างงาน  คนหนุ่มสาวต้องระมัดระวังสิ่งเหล่านี้ โดยใช้มาตรการการป้องกัน ดีกว่าการแก้ไข


          ส่วนหนึ่งของแนวคิดอันจอมปลอมที่ผู้ไม่หวังดีพยายามแทรกซึมเข้าไปในความคิดของเยาวชนได้แก่
          1) แนวคิดที่อยู่บนฐานของการปฏิเสธศาสนา(Secularism) หรือลัทธิแยกศาสนาออกจากศาสนจักร
          2) ทฤษฎีวิวัฒนาการของชาร์ล ดาร์วินที่มีมายาคติว่า มนุษย์มาจากลิง
          3) ทฤษฎีทางจิตวิทยาที่อุปโลกน์โดยซิกส์มัน ฟรอยด์ ที่สรุปว่าพฤติกรรมของมนุษย์ล้วนแล้วมาจากแรงผลักดันของความต้องการทางเพศเท่านั้น
          4) ทฤษฎีทางประชากรศาสตร์ที่เผยแพร่โดย มัลทัส ที่เชื่อว่าประชากรจะล้นโลก และทรัพยากรมีข้อจำกัด ซึ่งกลายเป็นที่มาของการรณรงค์การควบคุมกำเนิดอย่างอิสระเสรีและการสำส่อนทางเพศ ตลอดจนคำขวัญที่ว่า ลูกมากยากจน ซึ่งเป็นคำสอนที่ขัดแย้งกับหลักการศรัทธาในอิสลาม
          5) ทฤษฎีของฮันติงตันที่เชื่อว่าโลกปัจจุบันกำลังเข้าสู่ภาวะการเผชิญหน้าในรูปของการปะทะทางอารยธรรมซึ่งกลายเป็นคัมภีร์ใหม่ที่ส่งเสริมและยั่วยุให้มนุษย์ประหัตประหารทำสงครามระหว่างกัน และเดินถอยหลังเข้าสู่ยุควัฒนธรรมล่าเหยื่ออีกครั้งหนึ่ง ซึ่งขัดแย้งอย่างสิ้นเชิงกับคำสอนของอิสลามที่สอนมนุษยชาติตระหนักและให้ความสำคัญกับความแตกต่าง พร้อมเห็นว่าความแตกต่างมิใช่เป็นที่มาของความแตกแยก แต่กลับกลายเป็นโอกาสในการสร้างความรู้จักและเอื้อเฟื้อซึ่งกันและกัน ด้วยเหตุนี้อิสลามจึงปฏิเสธทฤษฎีการปะทะทางอารยธรรม แต่ส่งเสริมให้มีการเสวนาทางอารยธรรม เพื่อเป็นเวทีสำหรับมนุษยชาติในการสานสัมพันธ์ สร้างความเข้าใจ และช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกัน


3. จงสุขุมรอบคอบ อย่าใจร้อนและเร่งรีบ


          สิ่งที่คนหนุ่มสาวต้องระวังคือ ต้องศึกษาอย่างรอบคอบ และมีความระมัดระวัง คนหนุ่มสาวจำนวนมากมักชิงสุกก่อนห่าม ต้องรู้จักอดทนต่อขั้นตอนการเจริญเติบโตต่างๆ อดทนที่จะนำเมล็ดพันธุ์ไปปลูก เมื่อปลูกเสร็จให้รอคอยจนงอกเงยขึ้น กระทั่งแตกกิ่งก้านก็ให้รอคอยการออกดอก เมื่อออกดอกก็ให้รอการออกผล เมื่อออกผลก็ให้รอจนผลสุก เมื่อผลสุกก็ใกล้เวลาเก็บเกี่ยว เมื่อถึงเวลาก็สามารถเก็บได้อย่างสงบใจ คนหนุ่มสาวต้องเรียนรู้ความอดทนที่ผ่านขั้นตอนต่าง ๆเหล่านี้ บางคนปลูกพืชวันนี้ แต่ต้องการเก็บผลในวันรุ่งขึ้น หรือปลูกตอนเช้า ต้องการเก็บลูกตอนเย็น ลักษณะเช่นนี้ไม่ใช่แบบแผนจากอัลลอฮ์ และไม่ใช่เป็นวิธีคิดของมุสลิม
“ และเจ้าจะไม่พบการเปลี่ยนแปลงในแบบแผนของอัลลอฮ์ และเจ้าจะไม่พบการบิดเบือนในแบบแผนของอัลลอฮ์แต่ประการใด ” (อัลกุรอาน 35: 43)
“ ดังนั้นเจ้าจงอดทน ดังเช่นบรรดาผู้ตั้งจิตมั่นแห่งเราะซูลทั้งหลายได้อดทนมาก่อนแล้ว และอย่างเร่งรีบแก่พวกเขา ” (อัลกุรอาน 46: 35)
          ประการหนึ่งที่เป็นสิ่งที่ทำลายล้าง คือความรีบร้อนที่เกิดขึ้นในผู้คนจำนวนมาก ความรีบร้อนได้ผลักเข้าไปสู่การงานที่ไม่ถูกต้อง ไม่มีประโยชน์
          เป็นหน้าที่ของคนหนุ่มสาวที่จะต้องแก้ไขให้ถูกต้อง อย่าให้ถ้อยคำเหล่านี้หลอกลวงได้ หรือสร้างภาพ แต่ต้องมีเป้าหมายไม่เป็นเพียงชื่อหรือหัวข้อต่างๆ แต่ต้องเป็นเรื่องราว เนื้อหาและความหมาย เราจะต้องกำหนดกระบวนคิด ต้องรู้จักหลักฐาน ต้องใช้ความรู้ที่เชื่อถือได้ จากผู้รู้ที่เชื่อถือได้ ไม่ใช่จากนาย ก. นาย ข.
          เป็นหน้าที่ของคนหนุ่มสาวมุสลิมที่จะเสริมภูมิปัญญาด้วยความรู้ความเข้าใจ และเพิ่มความระมัดระวังจากความหลงผิดและมายาคติต่างๆ จนสามารถเดินบนแนวทางอันเที่ยงตรงที่ได้รับการประกันความสำเร็จและความโปรดปรานจากอัลลอฮ์ ทั้งดุนยาและอาคิเราะฮ์


เรียบเรียงโดย อ.มัสลัน  มาหะมะ